ในสภาวะเศรษฐกิจยุคโควิดเช่นนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าหลายๆ คนคงหนักกับปัญหารอบด้าน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องการเงิน และเช้าวันนี้เอง ข้าพเจ้าได้นั่งฟัง podcast ไประหว่างจิบกาแฟยามเช้า ก็ได้ฟังนิทานเรื่องหนึ่ง ผู้เล่ากล่าวว่า เป็นนิทานที่ชาวยิว ชอบเล่าให้ลูกหลานเขาฟัง เรื่องที่ว่านี้ก็คือ เรื่อง “กบ3ตัว”เรื่องก็มีอยู่ว่า วันหนึ่งกบหนุ่มสามตัว ก็กระโดดโลดเต้น ไปวันๆ แต่ทั้งสามมัวแต่เพลิดเพลินไปจึงตกลงไปในถังใส่น้ำนมวัว ซึ่งทั้งลึก ทั้งหนืด ต่างดิ้นรนเพื่อให้ตนเองรอดจากความตาย แต่กบทั้ง 3 ตัว มีmindset ไม่เหมือนกัน
- ตัวแรก คิดว่า การตกลงในถังน้ำนมวัวนี้ เป็นเรื่องของกรรม และขอสวดวิงวอนให้เทพ หรือพระเจ้ามาช่วยด้วย ทำให้ขาที่ตะเกียดตะกาย หยุด แล้วสุดท้ายก็จมดิ่งลงสู่ก้นถังตายไปในที่สุด
- ตัวที่สอง คิดว่า ความสามารถของตนเองที่จะกระโดดออกไปจากถังคงไม่มี เพราะปากถังทั้งสูง ทั้งกว้าง และน้ำนมก็หนืด คงยากที่จะทำอะไรได้ สุดท้ายก็หยุดดิ้นรน ปล่อยขาหยุดนิ่ง และสุดท้ายก็จมดิ่งสู่ใต้ถังตามตัวแรกไป และตายไปในที่สุดเช่นกัน
- ตัวที่สาม คิดว่า ตามใดที่ตนยังมีแรง ก็จะดิ้นรนจนถึงที่สุด คิดไปขาก็ตีนม ตะเกียกตะกายไป ดิ้นไปเมื่อเวลาผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง ขาเริ่มใกล้จะหมดแรง ปลายเท้าของกบก็สัมผัสอะไรบางอย่างที่สามารถเหยียบ และพยุงตัวพอพักเหนื่อยได้ เมื่อหายเหนื่อย ก็กลับมาตีขาอีก จนสุดท้ายพื้นเล็กๆ ที่ใช้แค่พักเท้าก็ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น จนสามารถถีบ และกระโดดออกจากถึงได้ และรอดตายในที่สุด
เจ้ากบไม่รู้หรอกว่า มันรอดได้อย่างไร แต่ที่มันรู้ก็เพียงว่า มันต้องทำให้จนถึงที่สุด จนไม่ไหวเท่านั้นเอง แต่การที่มันตีขาตลอดเวลา เป็นการกวนน้ำนมให้กลายเป็นเนยและเริ่มจับกันเป็นก้อน จนสุดท้ายก็ใหญ่พอที่ทำให้มันเหยียบเป็นฐานและกระโดดออกมาได้ในที่สุด
นิทานเรื่องนี้จึงสอนให้เรารู้ว่า เมื่อเจอปัญหา ต้องพยายามแก้ไข ดิ้นรนให้ถึงที่สุด เพราะถ้าเราดิ้นรนอย่างน้อยผลก็จะมี รอด กับ ตาย แต่ถ้าเราไม่ดิ้นรน ผล มีอย่างเดียวคือตาย ไม่ต่างจากกบสองตัวแรก
นี่จึงเป็นนิทานที่ชาวยิวนิยมเล่าเพื่อสอนลูกหลานของเขา ถึงไม่แปลกอะไรเลยที่มีคนกล่าวว่า ชาวยิวเป็นคนฉลาด และร่ำรวยที่สุดในโลก