กฏ 5 ข้อของทองคำนี้ ข้าพเจ้าได้อ่านพบในหนังสือ The Richest Man in Babylon หรือชื่อเป็นภาษาไทยว่า “เศรษฐีชี้ทางรวย” เล่มบางๆ ที่มีเนื้อหาเบาๆ ไม่ได้หนักทางวิชาการแต่หนักไปในทางปฏิบัติ ที่สามารถทำตามได้อย่างง่ายดาย
ข้าพเจ้าอ่านแล้ว จบได้ในไม่กี่ชั่วโมง แต่ทั้งเล่ม เนื้อหน้าที่สำคัญที่สุด ก็คือ กฏ 5 ข้อของทองคำ ที่จะสรุปไว้ดังต่อไปนี้ เป็นกฏหลัก ที่ทำให้ อาร์คัดชายผู้ที่เป็นเพียงช่างจารึกดินเหนียว กลายมาเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดใน บาบิโลน เมื่อ 5000 ปีมาแล้ว และกฏนี้มันยังเป็นจริง ตราบเท่าทุกวันนี้ เรามาดูนะครับว่า กฏทั้ง 5 ข้อที่ว่านี้คืออะไร
กฏ 5 ข้อของทองคำ มีดังนี้
กฏข้อที่ 1
กฏข้อแรก กล่าวไว้ว่า “ทองคำย่อมหลั่งไหลมามากขึ้นเรื่อยๆ สู่ทุกคนที่เก็บออมไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของรายได้ทั้งหมด เพื่อสร้างหลักฐานสำหรับอนาคตของตนเองและครอบครัว ไม่ว่าจะมีมาก หรือมีน้อย ก็ควรแบ่ง เก็บ 10% ไว้ให้ตนเอง”
หลายๆ คนก็คงคิดไม่ต่างจากข้าพเจ้านะครับที่ว่า “เงินจะใช้ยังไม่เหลือเลย แล้วจะเอาที่ไหนไปเก็บ” นั่นเป็นคำถามแรกๆ ที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าเช่นกัน แต่อย่าลืมนะครับว่า ถึงแม้รายรับเราจะเพิ่มมากเท่าไร รายจ่ายเราก็เพิ่มตามมาเช่นกัน เพราะเรามีความอยาก ได้ตลอดเวลา การหัก 10% ไว้นั้น เป็นหนทางเดียว ที่เราจะสามารถเก็บออม ไม่ว่า มากหรือน้อย แต่ การหัก 10% ในทุกๆ ครั้งที่มีรายรับเข้ามานั้น มันได้สร้าง “นิสัยการออม” ของเราแบบที่เราก็ไม่รู้ตัว อย่าคิดว่ามีเหลือมากๆ ค่อยเก็บ ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ไม่เหลือ แน่นอน
ดังนั้น เราควร แบ่งเก็บ 10% ไว้ให้ตนเอง ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน และเป็นการฝึกนิสัยการออมอีกด้วย
กฏข้อที่ 2
กฏข้อที่สอง กล่าวไว้ว่า “ทองคำย่อมเต็มใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ให้กับเจ้าของผู้ชาญฉลาดที่รู้จักนำมันไปใช้ให้เกิดดอกออกผล มันจะทวีคูณขึ้นประหนึ่งฝูงปศุสัตว์ในท้องทุ่ง”
กฏข้อนี้ นอกจากการเก็บออมแล้ว เราจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้ เกี่ยวกับการลงทุน เพื่อให้มัน งอก ออกผล เกิดลูก เกิดหลานของทองคำ ทำให้ทองคำของเรา เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการศึกษาหาความรู้เพื่อนำเงิน หรือทองคำของเราไปลงทุนจึงมีความสำคัญ ที่ต้องทำ ถัดมาจากการเริ่มเก็บสะสม และ ในกรณีที่เราแทนการเก็บทองคำ ด้วยการเก็บเงิน 10% ไว้ในธนาคารนั้น ถ้ามองในสถานะปัจจุบัน เงินเฟื้อ สูงกว่า ดอกเบี้ยเงินออม ก็ยิ่งเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า เรายิ่งต้องลงทุนเพื่อให้มันงอกออกผล มากกว่า เก็บมันไว้เฉยๆ เพื่อรอวันที่ค่าเงินของเราลดลง และการนำเงินไปลงทุน เราจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ในเรื่องการลงทุนนั้นๆ
กฏข้อที่ 3
กฏข้อที่สาม “ทองคำย่อมภักดีเหนียวแน่นต่อเจ้าของผู้รอบคอบ ที่นำมันไปลงทุนภายใต้คำแนะนำของคนที่ฉลาดในการจัดการ”
ในกรณีที่เราหาความรู้ไว้มาก แต่ยังขาดประสบการณ์ และการลงทุนมีความเสี่ยงสูงนอกจากการศึกษาด้วยตัวเองแล้ว เราควรมีกูรู หรือผู้รู้ที่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ ไว้เป็นที่ปรึกษา และป้องกัน การสูญเงิน สูญทองคำ ที่เราอุดส่าห์ เก็บออมไว้อย่างเหนื่อยยากลำบาก ดังนั้นเราจึงควรลงทุนอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาเงินของเราไว้และทำให้มันเพิ่มพูน
กฏข้อที่ 4
กฏข้อที่สี่ “ทองคำย่อมหลุดลอยจากมือของคนที่นำมันไปลงทุนในธุรกิจ หรือจุดประสงค์ที่เขาไม่คุ้นเคย หรือที่ผู้เชี่ยวชาญในการเก็บรักษาทองคำไม่เห็นด้วย”
กฏข้อนี้ เป็นกฏที่วางไว้ป้องกัน “ความโลภเข้าบังตา” ถ้าวันนึงมีคนมาชวนเราให้ไปลงทุนในสิ่งที่เราไม่เคยศึกษามาก่อน ก็ขอให้ทำใจร่มๆไว้แล้วค่อยๆศึกษาว่าการลงทุนที่บอกมานั้นเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะถ้าเราสุ่มสี่สุ่มห้าเห็นแก่ผลตอบแทนแต่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เราลงเงินไป เงินของเราอาจจะหายไปแบบงงๆ ที่เขามักเรียกกันว่า เสียค่าโง่ ดังนั้นอย่าลงทุนในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ
กฏข้อที่ 5
กฏข้อที่ห้า “ทองคำย่อมหลบหนีจากคนที่บังคับให้มันหารายได้แบบเป็นไปไม่ได้หรือจากคนที่ทำตามคำแนะนำล่อใจของคนเจ้าเลห์เจ้าอุบาย หรือจากคนที่นำมันไปลงทุนด้วยความอ่อนประสบการณ์ และด้วยความปรารถนาอันเพ้อฝันของตนเอง”
กฏข้อนี้ เราจะพบมากในปัจจุบัน เช่นลงร้อยได้ล้าน ก็เห็นมี ถ้ามีคนมาบอกว่าแค่เอาเงินไปฝากเขาไว้แล้วเราก็จะได้ผลตอบแทนสูงๆ ก็คิดได้เลยว่าเราอาจจะเจอแก๊งต้มตุ๋นเข้าให้แล้ว เพราะการลงทุนในสิ่งที่เราไม่รู้มันเสี่ยงมากที่เราจะสูญเงินที่เราสะสมมาด้วยความยากลำบากไปอย่างง่ายดาย อย่าโลภมากนัก
เป็นอย่างไรบ้างครับ กฏ 5 ข้อของชาวบาบิโลน ที่จะทำให้เรารวยขึ้น ถ้าชอบหรือถูกใจ ฝากแชร์ ไปให้เพื่อนๆ ที่คุณรักได้อ่านด้วยนะครับ